THE OBJETS NOMADES
ค้นพบคอลเล็คชั่น Objets Nomades ของหลุยส์ วิตตอง ซึ่งประกอบด้วยเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการเดินทาง โดยผ่านการรังสรรค์ร่วมกับเหล่าดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลก
ค้นพบคอลเล็คชั่น Objets Nomades ของหลุยส์ วิตตอง ซึ่งประกอบด้วยเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการเดินทาง โดยผ่านการรังสรรค์ร่วมกับเหล่าดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลก
นับตั้งแต่ปี 2012 หลุยส์ วิตตอง ได้เชื้อเชิญเหล่าดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลกมาร่วมจินตนาการถึงการรังสรรค์เฟอร์นิเจอร์เชิงทดลองที่เปี่ยมด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานและออกแบบสิ่งของเครื่องใช้สำหรับคอลเล็คชั่น Objets Nomades ซึ่งมีตั้งแต่แปลญวนสุดหรูไปจนถึงเก้าอี้สตูลแบบพับได้ รวมไปถึงเก้าอี้อาร์มแชร์และฉากกั้นห้องที่แสนงดงามตระการตา เฟอร์นิเจอร์รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นแต่ละชิ้นได้ผลักดันและก้าวข้ามขอบเขตของผลิตภัณฑ์เครื่องหนังเพื่อสะท้อนถึงความใส่ใจในรายละเอียดของงานฝีมืออันซับซ้อนพิถีพิถันและนวัตกรรมที่เปี่ยมด้วยความคิดสร้างสรรค์ของเมซง คอลเล็คชั่นนี้เป็นเสมือนการแสดงความสดุดีต่อการรังสรรค์ผลงานที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษ เช่น Bed Trunk ซึ่งเป็นผลงานสุดไอคอนิกของเมซงที่รังสรรค์ขึ้นในปี 1874 เพื่อมอบให้กับ Pierre Savorgnan de Brazza นักสำรวจชาวฝรั่งเศส อีกทั้งยังเป็นการยกย่องมุมมองแบบร่วมสมัยของเหล่าดีไซเนอร์จากหลากหลายแห่งทั่วโลก
รูปภาพ: Philippe Lacombe, Tommaso Sartori
หลุยส์ วิตตอง ร่วมกับดีไซเนอร์ชื่อดังระดับโลก สร้างสรรค์คอลเล็คชั่น Objets Nomades สุดตระการตาที่ได้แรงบันดาลใจจากการเดินทาง อาธิเช่น India Mahdavi, Marcel Wanders, Patricia Urquiola, Fernando and Humberto Campana, Atelier Oï, และอื่นๆอีกมากมาย
Marcel Wanders เป็นสตูดิโอออกแบบผลิตภัณฑ์และการตกแต่งภายในชั้นนำของอัมสเตอร์ดัม มีประสบการณ์การออกแบบผลงานที่เป็นผลิตภัณฑ์และการตกแต่งภายในระดับไอคอนิกกว่า 1,900 ชิ้นทั่วโลก ทั้งสำหรับลูกค้ารายบุคคลและแบรนด์พรีเมียม ทั้ง Alessi, Baccarat, Bisazza, Christofle, Kosé Corporation/ Decorté, Flos, KLM, Hyatt Hotels Corporation, LH&E Group, Louis Vuitton, Miramar Group, Morgans Hotel Group, Puma และอื่น ๆ อีกมากมาย
ภายใต้การนำและการกำหนดทิศทางด้านความคิดสร้างสรรค์ของ Marcel Wanders และ Gabriele Chiave สตูดิโอ Marcel Wanders มีผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและการสื่อสารจำนวน 40 คน
สตูดิโอ Marcel Wanders ที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในโลกการออกแบบแห่งนี้ มีพันธกิจที่จะ “สร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมที่เปี่ยมด้วยความรัก ใช้ชีวิตด้วยแรงบันดาลใจ และเนรมิตให้ความฝันที่น่าตื่นเต้นที่สุดของเราให้เกิดขึ้นจริง”
“เหนือสิ่งอื่นใด การเดินทางมอบโอกาสที่ไม่เหมือนใครในการออกเดินทางสำรวจครั้งใหม่”
Fernando และ Humberto Campana สร้างสรรค์ผลงานสไตล์ Modern Classics มาตั้งแต่ปี 1984 ความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขามีรากฐานมาจากการมองให้ลึกซึ้งกว่าที่เห็นเพื่อถ่ายทอดความสวยงามในชีวิตประจำวัน การใช้สีสันอย่างสม่ำเสมอและการอุทิศให้กับงานฝีมือด้วยใจจริง ทำให้สองพี่น้องสามารถสร้างสรรค์ความธรรมดาให้ไม่ธรรมดา และเนรมิตความสวยงามขึ้นได้จากความเรียบง่าย
ตั้งแต่ปี 2002 Estudio Campana บริษัทในเซาเปาโล สร้างสรรค์ไลน์ผลิตภัณฑ์เป็นของตัวเอง รวมไปถึงชิ้นงานที่รังสรรค์ขึ้นจากมือ ต่อมาในปี 2019 ซึ่งเป็นปีครบรอบปีที่ 35 ของการทำงาน ชิ้นงานของเขาได้รับการจัดแสดงในคอลเล็คชั่นถาวรที่องค์กรด้านวัฒนธรรมทั่วโลก ทั้ง Museum of Modern Art ในนิวยอร์ก, Centre Pompidou ในปารีส, Vitra Design Museum ที่Weil am Rhein และ Museu de Arte Moderna ในเซาเปาโล นอกจากนี้พวกเขายังได้รับการเสนอชื่อให้เป็น Designers of the Year ที่ Design Miam ในปี 2008 และที่ Maison & Objet ปารีสในปี 2012 และได้รับรางวัลพิเศษที่ Musée des Arts Décoratifs ปารีส ในเดือนกันยายน 2012
ดีไซเนอร์ Frank Chou เติบโตในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ที่ซึ่งในปี 2012 เขาก่อตั้ง Frank Chou Design Studio เพื่อเป็นพื้นที่สำหรับจินตนาการและสร้างสรรค์งานออกแบบแนวทดลองที่ผสมผสานสไตล์ดั้งเดิมเข้ากับสไตล์ร่วมสมัย ซึ่งนั่นก็คือความเป็นจีนและนานาชาติ ที่ผ่านมา Chou และสตูดิโอกวาดรางวัลจากเวทีชั้นนำมาแล้วมากมาย รวมไปถึง Young Designer จาก LLE DECO International Design Awards of China ในปี 2016 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่เขากลายเป็นดีไซเนอร์ชาวจีนคนแรกที่ได้รับรางวัล SaloneSatellite Design Award ช่วง Milan Design Week ต่อมาในปี 2019 เขาก็ได้รับเลือกให้เป็น Rising Talent ที่งาน Maison&Objets กรุงปารีส “งานออกแบบที่รับผิดชอบ” ของ Chou นั้นเป็นการหลอมรวมแนวคิดที่ว่า เหล่าดีไซเนอร์ “มีหน้าที่นำ สอน และต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง และเพื่ออนาคตที่ดีกว่าเดิม”
"Nomadism สำหรับผม คือสภาวะของสมัยปัจจุบันและความคล่องตัว"
Patricia Urquiola เกิดที่สเปน โดยหลังจบการศึกษาจาก Politecnico ในปี 1989 ตั้งแต่ช่วงกลางยุค 80s เธอใช้ชีวิตและทำงานในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี โดยเริ่มทำงานให้กับบริษัทสถาปัตย์และการออกแบบชื่อดังมากมาย ทั้ง De Padova, Alessi, Cappellini, Lissoni&Partners และ Kartell ต่อมาในปี 2001 เธอก่อตั้งสตูดิโอของเธอขึ้น โดยชำนาญด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สถาปัตยกรรม อาร์ตไดเรกชั่น และให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ อีกทั้งยังเธอเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการที่ปรึกษาของ Politecnico of Milan university และ Triennale Milano Museum และสอนที่มหาวิทยาลัยมากมายทั่วโลก
งานของเธอได้รับการจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะและการออกแบบระดับโลกมากมาย ทั้ง MOMA นิวยอร์ก, Decorative Arts Museum ปารีส และ Victoria & Albert Museum ลอนดอน
Atelier Oï ก่อตั้งขึ้นในเมือง Neuveville ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ในปี 1991 โดย Aurel Aebi, Armand Louis และ Patrick Reymond เป็นระยะเวลากว่า 20 ปีที่พวกเขาพยายามกำจัดอุปสรรคระหว่างประเภทและสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์แบบองค์รวมมา ซึ่งความสำเร็จของพวกเขาก็สะท้อนผ่านการผสมผสานของสถาปัตยกรรม การออกแบบ และการออกแบบฉากในระดับนานาชาติ โดยมีความสามารถในหลากหลายศาสตร์ การทำงานเป็นทีม และความเลือกใช้วัสดุอย่างสร้างสรรค์เป็นพื้นฐานของความสำเร็จมาอย่างยาวนาน
โปรเจกต์ที่ผสมผสานความสัมพันธ์ด้านสัญชาตญาณและด้านอารมณ์เข้ากับการออกแบบรูปร่างของวัสดุเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการชนะรางวัล Europan 3 ในปี1994, รางวัล European Museum of the Year Award ในปี 2001, รางวัล iF Design Award ในปี 2012, รางวัล Living at Home Award ในปี 2007 และรางวัล Product of the Year จาก Architectural Record ในปี 2008
ตั้งแต่โชว์จบการศึกษาที่ Royal College of Art ณ กรุงลอนดอน ในปี 2006 พวกเขาได้รับรางวัลระดับโลกมากมาย ทั้งรางวัล the Wallpaper* Design Award, รางวัล British Council Talented Award และรางวัล Design Miami/Basel Designer of the Future Award
งานของพวกเขาได้รับการจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์มากมาย เช่น Museum of Modern Art นิวยอร์ก และ Art Institute of Chicago
นอกจากงานที่ได้รับมอบหมายแล้ว Mer และ Alkalay ยังสร้างสรรค์งานออกแบบลิมิเต็ดอิดิชั่น และอินสตอลเล่ชั่นที่สตูดิโอในกรุงลอนดอนด้วย
หลังร่ำเรียนด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบอุตสาหกรรม กราฟฟิค และเฟอร์นิเจอร์ India Mahdavi ทำงานในตำแหน่ง Creative Director ให้กับ Chrissian Liaigre อินทีเรียดีไซเนอร์เป็นเวลากว่า 7 ปี
เธอก่อตั้งสตูดิโอของตัวเองขึ้นในปี 2000 บนถนน Rue Las Cases ในกรุงปารีส และได้ทำงานระดับนานาชาติด้านการออกแบบภายใน ฉาก เฟอร์นิเจอร์ และสิ่งของมากมาย
ซึ่งรวมถึงร้านอาหาร และโรงแรม เช่น The Gallery at Sketch ลอนดอน, Ladurée สาขาเจนีวา และลอสเองเจลิส และโรงแรม Monte-Carlo Beach Hotel นอกจากนี้ยังสร้างสรรค์คอนเซปต์ให้กับร้านค้า โดยที่ล่าสุดได้แก่ Red Valentino สาขากรุงโรมและกรุงลอนดอน อีกทั้งยังมีไลน์เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเก้าอี้ Charlotte ภายใต้แบรนด์ของตัวเอง เธอนิยามสไตล์ของเธอว่า “หลายภาษาและโทนสี”
Andrew Kidless ดีไซเนอร์แห่งเมืองซานฟรานซิสโก คือดีไซเนอร์ชั้นแนวหน้าด้านสถาปัตยกรรม การออกแบบ และวิทยาศาสตร์ หลังจากร่ำเรียนด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ และการออกแบบที่กรุงลอนดอน และสถาปัตยกรรมที่ Tulane University เขาก่อตั้ง Matsys สตูดิโอออกแบบสหวิชาชีพขึ้นในปี 2004 เพื่อคิดค้นงานประดิษฐ์ โครงสร้าง รูปแบบ และปัญญาในโลกจริงและเสมือนจริง
งานด้านการทดลองและงานสร้างชื่อของเขาได้รับการจัดแสดงทั่วโลก และร่วมแสดงในนิทรรศการถาวรที่พิพิธภัณฑ์ Pompidou Centre และ San Francisco Museum of Modern Art นอกจากนี้ Kudless ยังเป็นอาจารย์ที่ California College of the Arts และสอนเวิร์คช็อปทั่วสหรัฐอเมริกา, ในกรุงลอนดอน และในประเทศญี่ปุ่น (ซึ่งเป็นที่ที่เขาใช้ชีวิตอยู่เป็นเวลากว่า 1 ปี)
Tokujin Yoshioka เกิดในปี 1967 ก่อนก่อตั้งสตูดิโอของเขาในนาม Tokujin Yoshioka Inc ในปี 2000 เขาเคยทำงานให้กับ ทั้ง Shiro Kuramata และ Issey Miyake
เขาโลดแล่นในวงการงานออกแบบ สถาปัตยกรรม และศิลปะร่วมสมัย จนเป็นที่ยอมรับอย่างมากในระดับโลกด้วยผลงานที่ใช้ธีมธรรมชาติ และผลงานที่สะท้อนแนวคิดเกี่ยวกับความสวยงามของญี่ปุ่น โดยเขาสร้างสรรค์การถ่ายทอดที่มีเอกลักษณ์และก้าวข้ามคอนเซปต์ของรูปร่างผ่านการมอบรูปร่างให้กับความรู้สึกของมนุษย์ผ่านการใช้องค์ประกอบที่ไม่ใช่วัสดุ เช่น แสง
งานจำนวนมากของเขาได้รับเลือกให้จัดแสดงถาวรที่พิพิธภัณฑ์ชื่อดังระดับโลก ทั้ง Museum of Modern Art นิวยอร์ก, Le Centre national d’art et de culture Georges-Pompidou ปารีส, Victoria and Albert Museum ลอนดอน นอกจากนี้เขายังชนะรางวัลด้านการออกแบบระดับนานาชาติ และได้รับการเลือกจากนิตยสาร Newsweek ให้เป็นหนึ่งใน 100 คนญี่ปุ่นที่น่าเคารพที่สุดในโลก
Oki Sato เกิดที่เมืองโตรอนโตในปี 1977 และเป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัย Waseda University กรุงโตเกียวโดยจบการศึกษาในปี 2002 จากนั้นก่อตั้ง Nendo ดีไซน์สตูดิโอของเขาเองเลยทันที ซึ่งในตอนนี้ได้กลายเป็น 1 ในบริษัทขนาดเล็กที่ทรงอิทธิพลที่สุดของประเทศญี่ปุ่น โดยมี Cabbage Chair ที่ทำจากกระดาษรูปทรงกระบอก ซึ่งสามารถลอกออกมาทะละชั้นจนกลายเป็นเก้าอี้เป็นผลงานสร้างชื่อ ปัจจุบัน สามารถชมงานของ Sato ได้ที่พิพิธภัณฑ์ทั่วโลก ตั้งแต่ Museum of Modern Art นิวยอร์ก ไปจนถึง Centre Pompidou ปารีส
สำหรับ Sato งานออกแบบคือการใชเทคโนโลยีในการส่งเสริมความเรียบเงียบ ขณะเดียวกันก็สร้างสรรค์สิ่งที่เขาเรียกว่า “I moments” ให้กับผู้คนได้ใช้ในชีวิตประจำวัน .เราเชื่อว่า ช่วงเวลาที่เป็นของ "I" คือสิ่งที่ทำให้ชีวิตของพวกเราน่าสนใจและสมบูรณ์ขึ้น”
André Fu เป็นชาวฮ่องกงโดยกำเนิด แต่มีโอกาสได้ไปร่ำเรียนที่ประเทศอังกฤษตั้งแต่อายุ 14 ปี จากนั้นก็เลือกเรียนด้านสถาปัตยกรรมที่ University of Cambridge โดยเขายกความดีความชอบที่เป็นที่มาของสไตล์และส่วนผสมที่เป็นเอกลักษณ์ระหว่างงานประดิษฐ์และนวัตกรรมให้กับการเดินทางไปมาระหว่างทวีปเอเชียและยุโรปในช่วงระยะเวลากว่า 30 ปี
เขาก่อตั้ง André Fu Design Studio ขึ้นในฮ่องกงในปี 2000 และตั้งแต่นั้นมา เขาก็ออกแบบโรงแรม ร้านอาหาร แกลอรี อินสตอลเลชั่น และร้านรวงทั่วโลก ทั้ง Upper House Hotel ในฮ่องกง Villa la Coste in Aix en Provence และ St Regis ในฮ่องกง ซึ่งหนึ่งในโปรเจกต์ล่าสุดของเขา ได้แก่ Hotel The Mitsui Kyoto ที่เปิดไปเมื่อปี 2020
ในปี 2019 นิตยสาร Elle Décor China ยกย่อง André ให้เป็น “Interior Designer of The Year” และในปี 2019 เขาเปิดตัว André Fu Living (AFL) พร้อมคอลเล็คชั่นผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ที่สะท้อนสไตล์โมเดิร์นที่เป็นซิกเนเจอร์ของเขา
"Nomadism สามารถเป็นได้ทั้งสภาวะที่โดนบังคับหรือเป็นสิ่งที่เลือกเอง แต่มันก็ได้เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ขึ้น"
Atelier Biagetti ก่อตั้งขึ้นในปี 2003 โดยดีไซเนอร์ Atelier Biagetti จากนั้นต่อมาในปี 2013 ก็ได้ได้ศิลปินและนักร้อง Laura Baldassari มาร่วมงานด้วย ซึ่งตั้งแต่นั้นมาคู่ดูโอ้ที่พำนักในเมืองมิลานก็ได้สร้างสรรค์ผลงานมากมายทั้งอินสตอลเลชั่น สิ่งของ และการแสดงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากโลกปัจจุบัน พฤติกรรมของมนุษย์ และความหมกมุ่นเกี่ยวกับสังคมในยุคปัจจุบัน เช่น ความสวยงาม เซ็กส์ และศาสนา
สำหรับ Atelier Biagetti งานออกแบบทุกชิ้นเล่าเรื่องราวที่เผยถึงการใช้งานในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งก็ได้ทำให้เกิดแนวคิดใหม่ ๆ ให้กับปฏิสัมพันธ์ระหว่างพื้นที่ทางกายภายและจิตใจ
"งานประดิษฐ์คือสิ่งสำคัญสำหรับงานออกแบบของสตูดิโอเรา"
ดีไซเนอร์ Edward Barber และ Jay Osgerby ก่อตั้งสตูดิโอขึ้นในกรุงลอนดอนในปี 1996 งานหลากหลายแขนงของเขามีตั้งแต่งานออกแบบอุตสาหกรรม เฟอร์นิเจอร์ แสง และอินสตอลเลชั่นพิเศษสำหรับสถานที่เฉพาะ รวมไปถึงแกลอรี่ และงานด้านสาธารณะ เช่น คบเพลิงโอลิมปิกประจำปี 2012 ที่จัดขึ้นที่กรุงลอนดอน และโครงการสำหรับ Royal Mint อีกทั้งในปัจจุบัน พวกเขายังได้ร่วมงานกับผู้ผลิตระดับแนวหน้าของโลก ทั้ง Vitra, Knoll, B&B Italia, Hermès และ Flos และงานของพวกเขาได้รับการจัดแสดงถาวรในพิพิธภัณฑ์ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น V&A and Design Museum ลอนดอน, Metropolitan Museum of Art นิวยอร์ก และ Art Institute of Chicago นอกจากนี้ ในปี 2001 Barber & Osgerby ยังก่อตั้ง Architecture design practice Universal Design Studio และต่อมาในปี 2012 พวกเขาก็ได้ก่อตั้ง Map Project Office บริษัทที่ชำนาญด้านการวิจัยและการออกแบบโดยใช้กลยุทธ์
ในปี 2007 พวกเขาได้รับรางวัล Royal Designers for Industry จาก Royal Society of Arts และในปี 2013 ก็ได้รับ OBE สำหรับความอุตสาหะที่ทำเพื่ออุตสาหกรรมการออกแบบ และทั้งคู่ยังได้รับดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ด้านศิลปะและการบรรยายระดับนานาชาติ
ดีไซเนอร์ด้านเฟอร์นิเจอร์หรูและพื้นที่ Damien Langlois-Meurinne เริ่มต้นทำงานที่แรกกับ Christian Liaigre ก่อนออกมาก่อตั้งเอเจนซี่ของตัวเองในนาม DL-M ในปี 2003
ตั้งแต่นั้นมา เขาได้สร้างสรรค์โปรเจกต์การออกแบบภายในมากมายหลายแขนง ซึ่งเป็นการผสมผสานความหรูหราแบบฝรั่งเศสเข้ากับความคลาสสิคเหนือกาลเวลา
ปรัชญาในการออกแบบของเขาหาใช่การกำหนดสไตล์ให้กับพื้นที่ แต่หากเป็นการเฟ้นหาความเงียบสงบให้กับมัน ขณะเดียวกันก็เคารพตัวตนของลูกค้าแต่ละที่ด้วย นอกเหนือจากงานออกแบบภายในแล้ว Langlois-Meurinne ยังสร้างสรรค์คอลเล็คชั่นเฟอร์นิเจอร์แบบ Bespoke ที่ผสมผสานทั้งการใช้งานที่มีประโยชน์รอบด้านและความเรียบง่าย ด้วยความตระหนักถึงความสำคัญของพื้นที่และสิ่งของที่แวดล้อมตัวเรา เขาใช้เพียงวัสดุธรรมชาติ เช่น ทองแดง และไม้ล้ำค่า
"หลุยส์ วิตตอง ผสมผสานความหรูหราเข้ากับเอกลักษณ์ความประณีต ความคิดสร้างสรรค์ และงานฝีมือ"
หลังพบกันขณะเป็นนักเรียนที่ ECAL ในกรุงโลซานน์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ Giorgia Zanellato และ Daniele Bortotto ก่อตั้ง Zanellato/Bortotto Studio ขึ้นที่ Treviso ประเทศอิตาลีในปี 2013 งานที่ทำขึ้นร่วมกันเป็นชิ้นแรกได้แก่ Acqua Alta โดยสร้างสรรค์ขึ้นเพื่ออุทิศแก่เมืองเวนิส และนำเสนอที่ Salone Satellite ในเมืองมิลานในปี 2013 ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นโปรเจกต์การวิจัยอย่างยาวนานของพวกเขาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสถานที่และกาลเวลา
งานของ Zanellato/Bortotto ได้รับการจัดแสดงที่แกลอรีและสถาบันมากมาย ทั้ง MAXXI โรม, Triennale Design Museum มิลาน, และ Somerset House and the Aram Gallery ลอนดอน และในปี 2015 พวกเขาได้รับการยกย่องให้เป็น Young Talent of the Year จาก Elle Decor Italia รวมทั้งยังได้รับรางวัล NYCxDESIGN จาก Interior Design ในปี 2016 และชนะรางวัล Red Dot Design Award ในปี 2017
ชิ้นงานในคอลเล็คชั่น Louis Vuitton Objets Nomades คือการมาบรรจบกันของความคิดสร้างสรรค์จากเหล่าดีไซเนอร์และความประณีตอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของช่างฝีมือแห่งหลุยส์ วิตตอง เพื่อตีความหมายของการเดินทาง
ภาพถ่ายโดย Grégoire Veille
คุณสามารถดูหน้านี้บนมือถือของคุณเพื่อดู Objets Nomades ในบ้านของคุณเองโดยใช้เทคโนโลยี Augmented Reality (ใช้งานได้ใน iPhone 6S หรือสูงกว่าด้วย iOS 12 และ Android 7.0 หรือสูงกว่า)
คอลเล็คชั่น Objets Nomades วางจำหน่ายแล้วที่ Louis Vuitton ทุกสาขา ทางออนไลน์ และฝ่ายบริการลูกค้า