คอลเล็คชั่นไฮจิวเวลรี่ Bravery
ในโอกาสครบรอบวันเกิด 200 ปีของคุณหลุยส์ วิตตองที่เกิดเมื่อปี 1821 ไฮจิวเวลรี่ Bravery ถูกออกแบบขึ้นเพื่อสดุดีโชคชะตาที่แสนมหัศจรรย์ด้วยการตีความออกมาเป็นจิวเวลรีชิ้นเอกลักษณ์ของเมซง
ในโอกาสครบรอบวันเกิด 200 ปีของคุณหลุยส์ วิตตองที่เกิดเมื่อปี 1821 ไฮจิวเวลรี่ Bravery ถูกออกแบบขึ้นเพื่อสดุดีโชคชะตาที่แสนมหัศจรรย์ด้วยการตีความออกมาเป็นจิวเวลรีชิ้นเอกลักษณ์ของเมซง
Alicia Vikander นักแสดงและ House Ambassador ของหลุยส์ วิตตอง รับหน้าที่ถ่ายทอดชิ้นจิวเวลรีจากคอลเล็คชั่นไฮจิวเวลรี่ Bravery
หลุยส์ วิตตองเกิดในจังหวัดฌูว์รา ประเทศฝรั่งเศส ในช่วงวัยรุ่น เขาตัดสินใจออกเดินเท้าไปยังกรุงปารีส ที่ซึ่งเขากลายเป็นปรมาจารย์ช่างทำหีบระดับตำนาน และเพื่อเป็นเกียรติแก่จิตวิญญาณอันหาญกล้า คอลเล็คชั่น Bravery จึงถูกสร้างสรรค์ขึ้นโดยประกอบไปด้วยชิ้นจิวเวลรีที่เปี่ยมด้วยสัญลักษณ์จำนวน 90 ชิ้น ซึ่งเรียงร้อยขึ้นเป็นมหากาพย์อันโดดเด่นที่แฝงด้วยความหมาย ตั้งแต่การเกิดขึ้นของการเดินทางไปจนถึงยุคสมัยใหม่
บทที่ 2
Le Multi Pin
Le Multi Pin สร้อยคออัญมณีล้ำค่ากว่า 180 ชิ้นที่จัดวางในสีสันสดใสสลับกัน ประกอบด้วยอัญมณีที่เรียงตัวกันเป็นแถวอย่างสมบูรณ์แบบจำนวน 3 แถวโดยล้อมรอบด้วยทัวร์มาลีนแอฟริกันโปร่งแสงสุดพิเศษสีน้ำเงินน้ำหนัก 42.42 กะรัต ขณะที่สีโทนอิ่มตัวของอัญมณีสุดประณีตในน้ำหนักเดียวกันสีน้ำเงินและสีเขียว ประสานเข้ากับโทนสีโดยรวมอย่างไร้ที่ติ
เฉลิมฉลองอัจฉริยภาพด้านความคิดสร้างสรรค์อันเป็นจุดกำเนิดของไอเดียล้ำสมัยของหลุยส์ วิตตอง ด้วยสร้อยคอที่ตีความใหม่จากฮาร์ดแวร์ของตัวล็อคซิกเนเจอร์อันเป็นสิทธิบัตรบนเข็มกลัดฝาปิด และเพื่อรังสรรค์รูปทรง วอลลุ่ม และกำหนดตำแหน่งให้สมบูรณ์แบบ หลุยส์ วิตตองจึงทำการสร้างสรรค์เวอร์ชั่นแว็กซ์ขึ้นก่อนเป็นขั้นตอนแรกในการสร้างสรรค์ชิ้นไฮจิวเวลรี่ เช่น Le Multipin
Le Magnétisme
โครงร่างสี่เหลี่ยมผืนผ้าของหีบรุ่นไอคอนิกที่ชูทัวร์มาลีนสีชมพู สีส้ม และสีเหลือง 2 แถวที่จัดวางเป็นตัวอักษร V ซิกเนเจอร์ล้อมเพชรให้ยิ่งโดดเด่น เปล่งประกายภายในกรอบแซฟไฟร์ 20.29 กะรัต ขณะที่อัญมณีสุดหายากสีเหลือง-ส้มจากศรีลังกาก็ดูสว่างไสวยิ่งขึ้นผ่านเทคนิคการเจียระไน ซึ่งมีความสามารถพิเศษในการหักเหแสงเมื่อความเข้มเพิ่มขึ้น
เอกลักษณ์ความประณีตสุดพิเศษที่ใช้เวลากว่า 1,200 ชั่วโมงในการรังสรรค์สร้อยคอภายในอาเตลิเยร์ไฮจิวเวลรีในปารีสของหลุยส์ วิตตอง ถ่ายทอดออกมาให้ได้ยลในทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การทำเวอร์ชั่นแว็กซ์ไปจนถึงการเซ็ตอัญมณีแต่ละชิ้นในเบเซล แรงบันดาลใจของหีบที่สะท้อนออกมาผ่านหมุดโลหะแสดงให้เห็นผ่านรายละเอียดของเพชรที่ตกแต่งตามมุมต่าง ๆ ของสร้อยคอและเพชรที่ล้อมรอบทัวร์มาลีนแต่ละเม็ด
La Mini Malle
หีบ การสร้างสรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหลุยส์ วิตตอง ถูกใช้ในการตีความอย่างประณีตให้กับงานออกแบบซิกเนเจอร์ ซึ่ง La Mini Malle เป็นเซ็ตโชเกอร์เซ็ตเดียวในคอลเล็คชั่นที่มาในสีขาว-ดำ โดยประกอบด้วย Mini Malles จำนวน 3 ชิ้น ซึ่งนำเสนอในรูปของเพชรลาย Monogram แบบ Star Cut จำนวน 3 เม็ด ซึ่งแต่ละเม็ดมีน้ำหนัก 3.34 กะรัต
ด้วยงานฝีมือสุดประณีต เพชร Star Cut แต่ละเม็ดถูกจัดวางอย่างงดงามในรูปตะกร้าสี่เหลี่ยมแบบคัสตอมเมดเพื่อจำลองโครงร่างของหีบ ธีม La Mini Malle ที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อสดุดีแก่นวัตกรรมของผู้ก่อตั้ง ถ่ายทอดรูปทรงเรขาคณิตของ Petite Malle เพื่อเผยให้เห็นถึงคุณค่าไอคอนิกของเมซง พร้อมความสง่างามที่หาใดเปรียบได้
Cocktail Rings
หลุยส์ วิตตองคอมพลีตคอลเล็คชั่น Bravery บทที่ 2 ด้วยแหวนค็อกเทลสุดแสนประณีตจำนวน 4 วง ซึ่งถ่ายทอดความแข็งแกร่งและชั้นเชิงของคอลเล็คชั่นนี้ออกมาได้อย่างไร้ที่ติ โดยประกอบด้วยแซฟไฟร์สีชมพู แซฟไฟร์สีน้ำเงิน โกเมน และทับทิม แต่ละชิ้นถูกจัดวางอยู่ภายในหีบขนาดจิ๋วพร้อมรายละเอียดสุดซับซ้อน ทั้งหมุดและมุมเหลี่ยมเพื่อเผยโครงร่างของหีบ
บทที่ 1
La Constellation d’Hercule
ชิ้นจิวเวลรีสีสันสวยงามที่ออกแบบขึ้นในโอกาสครบรอบวันเกิดคุณหลุยส์ วิตตองที่เกิดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 1821 ได้แรงบันดาลใจด้านความงดงามจากกลุ่มดาวที่จะปรากฎให้เห็นเพียงหนึ่งครั้งต่อปี โดยจับคู่แทนซาไนต์ โอปอล์ โกเมนเข้าด้วยกันอย่างเป็นเอกลักษณ์ พร้อมลวดลายดาว Monogram และเพชรเจียระไนรูปดอกไม้
L’Elan Vital
สร้อยที่คล้ายกับเชือกห้อยเส้นนี้ถ่ายทอดความแข็งแกร่งของคาแรกเตอร์ที่นำหลุยส์ให้เดินทางออกจากจังหวัดฌูว์รา บ้านเกิดมายังกรุงปารีส ขณะเดียวกันก็ชวนให้ระลึกถึงเวลาที่หีบถูกเคลื่อนย้ายระหว่างการเดินทางด้วย ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลก็ถูกตีความออกมาผ่านการเรียงร้อยเพชรเจียระไนแบบ Brilliant กว่า 2,500 เม็ดเข้าด้วยกัน
L’Aventure
สร้อย Aventure เกิดขึ้นจากการตีความระยะทางบนถนนและป่าไม้กว่า 4,000 กิโลเมตรที่แยกแคว้น Jura กับกรุงปารีสออกจากกัน โดยสร้อยเส้นนี้จัดวางมรกตจากโคลัมเบียเคียงคู่กับแพลตตินัม ทองคำ และทองคำขาว ซึ่งถูกวางเรียงกันเป็น 3 แถว พร้อมฝังเพชรเป็นลาย Damier ประดับมุก นอกจากนี้สร้อยคอเส้นนี้ยังถูกยกระดับขึ้นไปอีกด้วยการประดับลวดลายดอกไม้ Monogram 3 กะรัต และเพชรสีสันสวยงามและบริสุทธ์รูปลูกแพร์ DFL มูลค่า 5.21 กะรัต
The Arrow
สร้อย Arrow ฝังเพชรแนวทแยงมุมเส้นนี้คือการอุปมาถึงการเดินทางของคุณหลุยส์ วิตตอง และการตีความอย่างตรงตัวของตัวอักษร V จากชื่อของเขา โดยประกอบด้วยเซ็ตทับทิมเจียระไนพิเศษที่วางเรียงกันกับแซฟไฟร์และเพชรเป็นตัวอักษร V บริเวณใจกลาง ซึ่งเปรียบดั่งสัญลักษณ์ส่วนตัวของหลานของผู้ก่อตั้งอย่าง Gaston-Louis Vuitton
ปลายสร้อย Arrow ม้วนรอบลำคอราวกับผ้าพันคอที่ล้ำค่าที่สุด และแพรวพราวด้วยเพชร D IF ที่เรียงกันเป็นลายดอกไม้ Monogram มูลค่า 2.61 กะรัต และแซฟไฟร์จากศรีลังกาพร้อมด้วยคริสตัลสี Royal Blue ที่มีน้ำหนักกว่า 26 กะรัต ขณะที่ต่างหู Arrow คือเครื่องสะท้อนให้เห็นถึงการรังสรรค์งานฝีมือในอาเตลิเยร์ของเมซง
Le Mythe
สร้อยเพชร 3 แถวที่ใช้ระยะเวลากว่า 1,300 ชั่วโมงในการรังสรรค์ นำเสนอหินล้ำค่าที่สมบูรณ์ในตัวเองแม้ยังไม่ผ่านการขัดจำนวน 3 ก้อน ซึ่งได้แก่ แซฟไฟร์ศรีลังกาสี Royal Blue มูลค่า 19.70 กะรัต มรกตโคลัมเบียสีเขียวสว่าง มูลค่า 8.64 กะรัต และแซฟไฟร์มาดากัสการ์สีจัดจ้านสัมผัสนุ่ม มูลค่า 7.11 กะรัต
La Passion
จากแรงบันดาลใจของ Mallettage ที่เป็นลวดลายภายในหีบโบราณของหลุยส์ วิตตอง สู่สร้อยตาข่ายที่รังสรรค์จากไวท์โกลด์ พร้อมตกแต่งเพชรและคอลเล็คชั่นอันล้ำค่าของทับทิมทรงกลมจำนวน 75 เม็ด ซึ่งถูกออกแบบขึ้นเพื่อให้สามารถสวมใส่เข้ากับทุกลุค
Le Tumbler
กุญแจล็อคที่ไม่สามารถสะเดาะได้อันเป็นสิทธิบัตรของเมซง ซึ่งประดิษฐ์โดยคุณหลุยส์ วิตตองในปี 1890 ได้ดลใจ Francesca Amfitheatrof ให้นำมุมของกลไกมาเป็นรูปทรงของจิวเวลรีชั้นสูงเป็นครั้งแรก ซึ่งเธอตีความออกมาเป็นเพชรพร้อมอะควอมารีนสีฟ้าแบบ Santa Maria
La Star du Nord
เซ็ตนี้ที่ถือเป็นบทส่งท้ายสำหรับคอลเล็คชั่นนี้และเป็นผลลัพธ์จากการตีความแสงสว่างที่นำพาคุณหลุยส์ วิตตองออกเดินทาง เลียนแบบรูปร่างของ North Star ออกมาเป็นเพชรทรงกราฟฟิกสุดตระการตาสองแถว ที่ร้อยพันกันเป็นน็อต ซึ่งชวนระลึกถึงการตกแต่งภายในหีบ
เคียงคู่กับไวท์โกลด์ที่ร้อยเรียงผูกกัน คือลายดอกไม้ Monogram สุดประณีตที่รังสรรค์ขึ้นจากเพชร IIA D IF มูลค่า 10.07 กะรัต ซึ่งยิ่งโดดเด่นด้วยการเจียระไนเป็นลายดาว Monogram ของหลุยส์ วิตตอง ที่พิเศษกว่านั้นคือสามารถถอดหินอันบริสุทธิ์ออก แล้วนำไปสวมใส่เป็นแหวนได้